มจธ. สวทช. พร้อมพันธมิตร เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังสู่ความยั่งยืน ผนึกความร่วมมือระดับโลกผ่านเวที Global Cassava Sustainability Forum 2025 - Thailand Times

Breaking



Post Top Ad

Monday, 16 June 2025

มจธ. สวทช. พร้อมพันธมิตร เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังสู่ความยั่งยืน ผนึกความร่วมมือระดับโลกผ่านเวที Global Cassava Sustainability Forum 2025

มจธ. สวทช. พร้อมพันธมิตร เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังสู่ความยั่งยืน

ผนึกความร่วมมือระดับโลกผ่านเวที Global Cassava Sustainability Forum 2025

กรุงเทพฯ, 16 มิถุนายน 2568 - ประเทศไทยตอกย้ำบทบาทผู้นำอุตสาหกรรมมันสำปะหลังระดับโลกในงาน Global Cassava Sustainability Forum 2025 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยงานนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรม และผู้กำหนดนโยบายจากหลากหลายประเทศทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เสริมสร้างเครือข่าย และผลักดันความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเกษตร โดยใช้มันสำปะหลังเป็นต้นแบบห่วงโซ่มูลค่า การจัดงาน Cassava Sustainability Forum 2025 ถือเป็นกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการ Reinventing University ที่ได้รับทุนจากกระทรวง อว. ซึ่งมีเป้าหมายยกระดับความสามารถในการแข่งขันของมหาวิทยาลัยไทยในระดับโลก และเสริมสร้างบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนประเทศ

ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สะท้อนศักยภาพด้านการเกษตรของไทย และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับหนึ่งของโลก โดยในปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อรวมกับกัมพูชาและเวียดนาม เราครองตลาดโลกรวมกันถึง 90% ซึ่งมันสำปะหลังมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงานชีวภาพ เคมีชีวภาพ อาหาร และเภสัชภัณฑ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยกล่าวว่า “ในปี 2566 ไบโอเทค มจธ. และพันธมิตรภาคอุตสาหกรรม ได้ประกาศเจตจำนงร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังลง 30% ภายในปี 2573 และตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ซึ่งเป็นตัวอย่างของความร่วมมือภาครัฐและเอกชนเพื่อความยั่งยืน”

รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยภายใต้โครงการ Reinventing University ว่า มจธ. มุ่งพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้จริง โดยใช้มันสำปะหลังเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ ทั้งในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานทดแทน และการจัดการของเสีย ซึ่ง มจธ. และไบโอเทค สวทช. มีความร่วมมือในโครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงานต้นแบบผลิตเอทานอล การสร้างองค์ความรู้และปรับปรุงกระบวนการผลิต และการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนกับภาคอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง พร้อมระบุว่า “การจัดงาน Global Cassava Sustainability Forum 2025 ครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ผ่านศูนย์มันสำปะหลังเพื่อความยั่งยืนอาเซียน (ASEAN Cassava Centre) ซึ่งมีบทบาทในการประสานความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของห่วงโซ่อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง โดยมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ และการวางรากฐานของอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ งานดังกล่าวยังสะท้อนเจตนารมณ์ของ มจธ. ในการขยายความร่วมมือระดับนานาชาติ และร่วมกันสร้างองค์ความรู้เพื่อยกระดับห่วงโซ่คุณค่ามันสำปะหลังอย่างยั่งยืน โดยเรามีเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งจากทุกทวีปทั่วโลกที่มาร่วมงานครั้งนี้ รวมถึงหน่วยงานและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่มูลค่า และภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการจัดงาน ได้แก่ บริษัท อินกริดิออน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พูนผล จำกัด และบริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวถึงผลสำเร็จของการวิจัยและพัฒนาในภาคมันสำปะหลังว่า “ความร่วมมือที่มีมายาวนานระหว่าง ไบโอเทค สวทช. และ มจธ. นำไปสู่งานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงมากมาย อาทิ ส่วนต้นน้ำ มีการพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังที่ให้ผลผลิตสูง ไซยาไนด์ต่ำ เช่น พันธุ์พิรุณ 1, 2 และ 4 ชุดตรวจวินิจฉัยโรคใบด่างมันสำปะหลังและการประยุกต์ใช้เพื่อเฝ้าระวังและจัดการควบคุมโรค ส่วนกลางน้ำ มีการดำเนินงานวิจัยกลางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมันสำปะหลัง รวมถึงการจัดการของเสีย (waste management) ที่เกิดขึ้น เช่น เทคโนโลยีในการเพิ่มความเข้มข้นและทำความสะอาดแป้งโดยเทคโนโลยีไฮโดรไซโคลนประสิทธิภาพสูง และเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพประสิทธิภาพสูงจากกากมันสำปะหลัง ส่วนปลายน้ำ มีการพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการผลิตทรีฮาโลสจากมอลโตสโดยใช้เอนไซม์ Trehalose synthase แบบขั้นตอนเดียว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และให้ผลผลิตสูง โดยใช้วัตถุดิบคือแป้งมันสำปะหลังในการนำมาเปลี่ยนเป็นน้ำเชื่อมมอลโตส

ด้าน ดร.วรินธร สงคศิริ รักษาการรองผู้อำนวยการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวปิดท้ายว่า เวที Global Cassava Sustainability Forum 2025 มีเป้าหมายในการจัดตั้งเครือข่ายระดับโลกด้านเศรษฐกิจชีวภาพอย่างยั่งยืนในภาคเกษตร (Global Network on Sustainable Bioeconomy in Agri-Business) โดยใช้มันสำปะหลังเป็นต้นแบบความยั่งยืนในการพัฒนาอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่าเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ โดยสามารถขยายผลสู่สินค้าเกษตรอื่น ๆ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนทางการเกษตรระดับโลก และเป็นผู้ขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

งาน Global Cassava Sustainability Forum 2025 ตลอดการประชุม 3 วัน ผู้เข้าร่วมจะได้พบกับการนำเสนอกลยุทธ์เพื่อการสร้างห่วงโซ่คุณค่ามันสำปะหลังโลกที่เข้มแข็งและยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีการเพาะปลูกสมัยใหม่ ระบบบริหารจัดการโรคพืช การผลิตแป้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสีย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมการประยุกต์ใช้แป้งมันสำปะหลังในการทำอาหาร และการแสดงผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งกิจกรรมศึกษาดูงาน ณ โรงงานผลิตผงชูรส โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง และศูนย์ไบโอเทค 

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกภูมิภาคทั่วโลกกว่า 40 ท่าน อาทิ Prof. Dr. Lene Lange ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชีวภาพระดับนานาชาติจากเดนมาร์ก Prof. em. Dr. Wilhelm Gruissem นักวิจัยผู้มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงพันธุกรรมของมันสำปะหลัง Prof. Dr. Ulrich Schurr ผู้นำศูนย์วิทยาศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพจากเยอรมนี และ Prof. Dr. Hidenari Yasui ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการจัดการน้ำเสียในอุตสาหกรรมเกษตร

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน สวทช. และ สถาบัน Forschungszentrum Jülich ประเทศเยอรมนี ได้แถลงข่าวเปิดตัว “ฐานข้อมูลฟีโนไทป์ จีโนไทป์ แหล่งข้อมูลทางพันธุกรรมของการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารของมันสำปะหลัง (Manihot esculenta Crantz) ภายใต้โครงการ CASSAVASTORE” แก่สื่อมวลชน นักวิจัย และผู้ที่สนใจ โดยหลังจากโครงการสิ้นสุด ประเทศไทยได้ข้อมูลที่สำคัญของมันสำปะหลังทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์จากต่างประเทศกว่า 600 พันธุ์/สายพันธุ์ ที่เก็บรวมรวมไว้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอนาคต เทคนิค Magnetic Resonance Imaging (MRI) ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ฟีโนไทป์และสรีรวิทยาร่วมกับการพัฒนา VDO box เพื่อถ่ายภาพการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารของมันสำปะหลังทั้ง 600 พันธุ์/สายพันธุ์โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สามารถตรวจสอบปัจจัยและกระบวนการสำคัญที่มีผลในการเจริญเติบโตและการพัฒนารากสะสมอาหารของมันสำปะหลังได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในงานวิจัยด้านการเกษตรไทย มากไปกว่านั้น ข้อมูลจีโนไทป์ของเชื้อพันธุกรรมของมันสำปะหลังได้ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบที่ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (National Biobank of Thailand) ไบโอเทค โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งข้อมูลทางพันธุกรรมของมันสำปะหลังขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เพื่อรองรับการเข้าถึงแหล่งข้อมูลของนักปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลัง รวมทั้งนักวิจัยที่สนใจงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทางด้านมันสำปะหลัง ยกระดับความสามารถของนักปรับปรุงพันธุ์พืชไทย เพิ่มผลผลิตของมันสำปะหลัง และเสริมสร้างความมั่นคงทางการเกษตรทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ศูนย์มันสำปะหลังเพื่อความยั่งยืนอาเซียน (ASEAN Cassava Centre)

ดร. รื่นรมย์ เลิศลัทธภรณ์ email: aseancassavacentre@gmail.com

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. Email: prd@nstda.or.th 





No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages