วันที่ 28 มิถุนายน 2566 นายกริชเพชร ชัยช่วย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน สอบสวน และป้องกันปราบปรามอาชญากรรมระหว่าง กรมเจ้าท่า กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุมวิสูตรสาครดิษฐ์ ชั้น 4 อาคาร 162 ปี กรมเจ้าท่า
นายกริชเพชร ชัยช่วย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่า มีนโยบายในการพัฒนาเพื่อมุ่งไปสู่องค์กรดิจิทัล มุ่งเน้นให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาองค์กร มีการวิเคราะห์และออกแบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับการบูรณาการข้อมูลสารสนเทศกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานสูงสุด สามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลของกรมเจ้าท่า มีการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล กับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกันและสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างครบถ้วน อีกทั้งเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภายนอก เพื่อสนับสนุนให้การปฏิบัติงานของกรมเจ้าท่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานที่มีความชำนาญ ด้านการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรงและสลับซับซ้อน มีพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศ จึงมีความจำเป็นที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเพื่อช่วยในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันสำหรับทำการวิเคราะห์ข้อมูล หาความสัมพันธ์ของผู้ต้องสงสัย โดยข้อมูลของกรมเจ้าท่า นับเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยส่งเสริมต่อการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงการสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี
โดยในการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลฯ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของกรมเจ้าท่า ประกอบด้วย ข้อมูลเรือที่ได้มีการจดทะเบียนไว้โดยกรมเจ้าท่า รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ข้อมูลบุคคลทำการในเรือที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้ รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องข้อมูลประกาศนียบัตร และเอกสารประจำตัวบุคคลที่ได้มีการจดทะเบียนไว้กับกรมเจ้าท่าและข้อมูลอื่น ๆ ตามที่กรมเจ้าท่าเห็นควรอนุญาตและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามของกองบังคับการปราบปรามได้ในหลายมิติ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการในสืบสวน สอบสวน จับกุมผู้กระทำความผิด ลดภาระงานซ้ำซ้อน และมีระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อวิเคราะห์หมายจับ ตรวจสอบบุคคลเฝ้าระวังหรือยานพาหนะเป้าหมาย นอกจากนี้ สามารถสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเชิงการสืบสวนการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม หรือการวิเคราะห์ในเชิงสถิติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบต่อไป
No comments:
Post a Comment