ไทยนครเพนท์ ทุ่มงบกว่า 400 ลบ. เปิดตัวโรงงานใหม่ เสริมแกร่ง ขยายฐานตลาด CLMV - Thailand Times

Breaking

Post Top Ad

Monday 9 November 2020

ไทยนครเพนท์ ทุ่มงบกว่า 400 ลบ. เปิดตัวโรงงานใหม่ เสริมแกร่ง ขยายฐานตลาด CLMV

ไทยนครเพนท์แอนด์เคมีคอล ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท เปิดตัวโรงงานใหม่บนพื้นที่กว่า 27 ไร่ ที่อำเภอแปลงยาว เสริมศักยภาพความแข็งแกร่งธุรกิจ รองรับการเจริญเติบโตในประเทศ CLMV และการแข่งขันที่เกิดขึ้นในตลาดต่างประเทศ พร้อมเป็นฐานการผลิตสินค้า OEM ให้กับแบรนด์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มจะว่าจ้างผลิตจากผู้ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมเปิดใจผู้บริหารรุ่นใหม่ ชูวิสัยทัศน์ Customer Centric Mindset ในการขับเคลื่อน ตั้งเป้าขยายตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 2 ปี และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ LEZZON และ PETER ติดอันดับ 1-3 ของตลาดประเทศ CLMV และประเทศในภูมิภาค SEA

นายภูมิภัทร์ ตรรกสกุลวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครเพนท์แอนด์เคมีคอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทไทยนครเพนท์แอนด์เคมีคอล จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตสีชั้นนำของประเทศ มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากลูกค้ามายาวนาน กว่าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เติบโต ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกขอบเขตของผลิตภัณฑ์สีพ่นรถยนต์ จึงทำให้บริษัทฯ เพิ่มขีดความสามารถในตลาดโลกได้ โดยปัจจุบันนี้ ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและได้รับความไว้วางใจ ภายใต้แบรนด์ LEZZON และ PETER ออกจำหน่ายแก่ลูกค้าผ่านทางตัวแทนจำหน่าย ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค

สำหรับงานเปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท เพื่อย้ายฐานการผลิตจากมีนบุรี มาที่อำเภอแปลงยาว บนพื้นที่กว่า 27 ไร่ เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเจริญเติบโตในประเทศ CLMV พร้อมกับการแข่งขันที่เกิดขึ้นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้แข่งขันจากประเทศจีนทำให้ต้องเพิ่มกำลังผลิต และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฏหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการกีดกันทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าเป็นฐานการผลิตสินค้า OEM ให้กับแบรนด์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มจะว่าจ้างผลิตจากผู้ผลิตในประเทศไทยมากขึ้นอีกด้วย โดยในปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่ มีความสามารถในการผลิตสินค้าดังนี้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มทินเนอร์ 4,920 ตัน/เดือน ผลิตภัณฑ์ประเภทสีโป๊ว 750 ตัน/เดือน ผลิตภัณฑ์ สี/แลคเกอร์ 300 ตัน/เดือน และผลิตภัณฑ์ เรซิ่น 300 ตัน/เดือน 

"กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ปัจจุบันแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่มหลัก 4 กลุ่มย่อย โดยในส่วนของ 2 กลุ่มหลักแบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ ประเภท สี กับ เคมีภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสี (สัดส่วน 50:50) ในส่วนของ 4 กลุ่มย่อยแบ่งออกเป็น สีพ่นรถยนต์และเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับสีพ่นรถยนต์ (30%) สีพ่นทั่วไป (30%) ทินเนอร์ทั่วไป (30%) และทินเนอร์เกรดพรีเมี่ยม (10%) ที่ส่วนมากจะใช้เพื่อวัตถุประสงศ์ในการผลิตเฉพาะทาง 

ขณะเดียวกันการผลิตทินเนอร์ในโรงงานแห่งใหม่ จะผลิตภายใต้มาตรฐานที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้ผลิตสีให้กับโรงงานผลิตสีรถยนต์ ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานเดี่ยวกับโรงกลั่นน้ำมันชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งความสามารถของเราในการผลิตสินค้ากลุ่มประเภทนี้ เราสามารถจัดเก็บวัตถุดิบได้ 1.5 ล้านลิตร และในการผลิตแต่ละครั้งสามารถทำได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที และในอนาคตเราจะมีเพิ่มอีก 2 กลุ่มย่อย ก็คือตรงส่วนสารสังเคราะห์ที่จะนำมาใช้ในการผลิตสินค้าของบริษัทก่อนในเบื้องต้น และสีอาคารที่มีความเฉพาะทางมากกว่าสีที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้บริโภค" นายภูมิภัทร์ ตรรกสกุลวิทย์กล่าว

อย่างไรก็ดี ด้านแผนการบริหารงานในขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้วางวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Customer Centric Mindset เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนพัฒนาต่อยอดธุรกิจ โดยเน้นการสำรวจความต้องการและปัญหาของลูกค้า เพื่อให้เราได้เป็น Solution ที่สามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าทุกๆเรื่อง ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้การบริหารข้อมูลภายใน เรายังให้ความสำคัญ ในเรื่องของการปรับกระบวนการทำงานเข้าสู่ระบบดิจิทัล (Digitalization) มากขึ้น โดยทุกข้อมูลที่เป็นส่วนของลูกค้าเรานำมาใช้ในการเชื่อมโยงกับทุกส่วนของบริษัทฯ เพื่อลดการสื่อสารที่ซ่ำซ้อน และสามารถให้คำตอบกับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น โดยเราตั้งเป้าว่าด้วยรูปแบบนี้เราจะสามารถขยายตลาดของเราในประเทศไทยได้มากขึ้นกว่าเดิม 30% ภายใน 2 ปี 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ตั้งแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) มาเพื่อหาค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเป็น นิวเอสเคิฟ โดยบริษัทฯกำลังพัฒนา สินค้ากลุ่มสีงานก่อสร้าง โดยจะเป็นการต่อยอดจากเทคโนโลยีนาโนที่บริษัทได้ร่วมกันวิจัยกับสถาบันระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย และเทคโนโลยีการสังเคราะห์เรซิ่นจากขวดพลาสติก ทั้งนี้ปัจจุบันเราได้ผลิตสินค้าประเภทดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ในการทดสอบกับภาครัฐเพื่อให้ผ่านมาตรฐาน ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีเราได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการส่งเสริมการลงทุนในประเภทกิจการ ผลิตสินค้าวัสดุนาโน โดยถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้รับบัตรส่งเสริมในกิจการดังกล่าว (เน้นการค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อหา นิวเอสเคิฟ) ซึ่งในอนาคต บริษัทฯ วางเป้าหมายของสินค้า ภายใต้แบรนด์ LEZZON และ PETER จะต้องเข้าไปอยู่ในอันดับ 1-3 ในตลาดประเทศ CLMV และ ประเทศอื่นๆ ใน ภูมิภาค SEA ให้ได้ภายใน 3-5 ปี




No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages