สสส.จับมือมูลนิธิขวัญชุมชน จัดค่ายเยาวชนสร้างการเรียนรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด - Thailand Times

Breaking


Post Top Ad

Tuesday, 9 December 2025

สสส.จับมือมูลนิธิขวัญชุมชน จัดค่ายเยาวชนสร้างการเรียนรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด

สสส.จับมือมูลนิธิขวัญชุมชน  จัดค่ายเยาวชนสร้างการเรียนรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด ออกแบบกระบวนการเรียนรู้นอกห้องเรียน  นำประสบการณ์ชีวิตเยาวชนที่ก้าวพลาดถ่ายทอดเป็นอุทาหรณ์ให้เยาวชน  หนุนสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนนำร่อง

เมื่อเร็วๆนี้ มูลนิธิขวัญชุมชนร่วมกับมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดกิจกรรม  “ค่ายพัฒนาแกนนำเด็กเยาวชนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง” ณ ศูนย์ฝึกอบรมมูลนิธิพัฒนาอีสาน ตำบลตาอ๋อง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  โดยมีแกนนำนักเรียนจาก 3 โรงเรียน ในพื้นที่ 43 คนเข้าร่วม  เพื่อสร้างความตระหนักรู้ เท่าทันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ไฟฟ้า  ยาเสพติด  โดยมีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์  กิจกรรมฐานเรียนรู้ปัจจัยเสี่ยง  การสร้างพื้นที่ปลอดภัยเด็กได้เล่าชีวิตของแต่ละคน  การนำประสบการณ์ของอดีตเยาวชนที่ก้าวพลาดมาสร้างภูมิคุ้มกัน  สร้างแรงบันดาลใจ

นางสุภาพร ทองสุข  ผู้อำนวยการมูลนิธิขวัญชุมชน ผู้รับผิดชอบโครงการเสริมพลังสหอาสาเพื่อเด็กเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงจากสารเสพติดโดยฐานครอบครัวและชุมชน  กล่าวว่า มูลนิธิขวัญชุมชนได้รับงบประมาณจากสสส. ดำเนินโครงการนี้ในอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ดำเนินงานในพื้นที่ตำบลทับใหญ่  ตำบลธาตุ และตำบลเบิด และได้จัดค่ายพัฒนาแกนนำเด็กเยาวชนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงขึ้น  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมบทบาทแกนนำเด็กเยาวชนในชุมชนในสถานศึกษา ประกอบด้วยโรงเรียนทับโพธิ์พัฒนวิทย์  โรงเรียนธาตุศรีนคร และโรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์ รวมจำนวน 43  คน ซึ่งในค่ายนี้จะไม่มีการบรรยาย  การสอนสั่ง การท่องจำหรือวัดผลคะแนนใดๆ ทุกการเรียนรู้ถูกออกแบบให้เป็นกิจกรรม  การเล่น  การทดลอง  การ์ดเกม  การสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเด็กๆ  รวมถึงการนำอดีตเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก  มาเล่าประสบการณ์ชีวิตช่วงที่ก้าวพลาดจนลุกขึ้นยืนใหม่ได้ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ตระหนักถึงโทษภัยของสิ่งเสพติด เหล้าบุหรี่  ความรุนแรง  ให้ได้เห็นถึงเส้นทางชีวิตที่ยากลำบากเพื่อเป็นวัคซีนชีวิตให้กับเยาวชน


“การทำงานกับเยาวชนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความคิดใหม่  การสั่งสอน การห้ามหรือทำให้กลัว  ใช้ไม่ได้อีกต่อไป  การให้เด็กๆได้สัมผัส ได้เห็น ได้พบเจอของจริง  และเปิดโอกาสให้ได้คิดได้พูด  แสดงออกแบบไม่ต้องกลัวถูกจับผิดหรือมีผลต่อคะแนน  ข้อค้นพบอย่างหนึ่งของค่ายนี้คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กๆภายในโรงเรียน  ซึ่งมีความจำเป็นมาก และจะเป็นการทำงานระยะต่อไปของโครงการนี้” นางสุภาพร กล่าว ​

ด้านนางรัชดาภรณ์  ศรีทอง ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์ อำเภอรัตนบุรี  จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ที่ครูเลือกพาเด็กๆมางานนี้ เพราะคิดว่าเด็กๆน่าจะมีทางออกหรือวิธีการที่ดีกว่าที่เคยทำมา ซึ่งในค่ายนี้พบว่ามีหลายวิธีที่โรงเรียนเรายังไม่เคยทำ วิธีการที่เคยทำมามันอาจจะยังเข้าไม่ถึงเด็กๆ แม้เด็กบางคนจะมีจุดพลาดไปบ้าง  แต่สายตาชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ตัดสินพวกเขาไปแล้วว่าเป็นเด็กมีปัญหา ยิ่งถ้าเรียนไม่จบ ถูกออกกลางคันจะยิ่งไปกันใหญ่   คิดว่าในค่ายนี้น่าจะช่วยจุดประกายพวกเขาได้ มันต้องเริ่มจากการที่ให้เขาเข้าใจ  ไม่ใช่ครูไปบ่น ไปต่อว่าจับผิด ตำหนิเขาตลอดเวลา เด็กต้องเกิดจากกระบวนการคิดจากข้างใน แต่เราก็ไม่ได้คาดหวังว่ามาครั้งนี้แล้วเขาจะต้องเปลี่ยนเลย เข้าใจว่าต้องใช้เวลา  ที่สำคัญค่ายนี้คือพื้นที่ปลอดภัยของเด็กๆที่จะเล่าจะพูดเรื่องราวของตัวเองที่ต้องเผชิญ    และการที่เอาเคสตัวอย่างของคนที่เคยก้าวพลาด  แต่ลุกขึ้นยืนใหม่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ให้เด็กๆฟัง เป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่การชี้โพรงให้กระรอก  ทุกคนเคยก้าวพลาดหมด เพียงแต่มันจะใหญ่หรือจะเล็กแค่นั้นเอง อยากให้เด็กมองว่าในเมื่อตอนนี้เรายังไม่พลาด เราก็ควรเรียนรู้จากบทเรียนคนอื่น หรือหากเราพลาดไปแล้วแต่ยังไม่ถึงขนาดนั้น เด็กๆจะได้มองออกว่าถ้ายังเดินต่อทำต่อมันจะส่งผลกับชีวิตเขายังไง สุดท้ายมันจะเป็นยังไงเขาจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง  

“ตอนนี้ที่โรงเรียนกำลังทำห้องเล็กๆ  ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของนักเรียน ถ้ารู้ตัวว่าพลาด กังวล เศร้า ล้ม อยากให้เขารู้ว่าเขายังมีพวกเรานะ ไม่ใช่มีแค่ตัดสินพวกเขาด้วยผลการเรียน พวกเขาต้องมีที่ให้ได้หยุดพักใจจริงๆ ได้ทบทวนตัวเอง ได้ระบายกับคนที่ไว้ใจได้ หลังจากนี้เขาอาจจะค่อยๆได้สติ  และรู้ตัวเองว่าควรไปทางไหน ที่ตรงนี้ไม่ต้องการคาดคั้นอะไรจากเขาเลยแค่อยากให้เขาได้พักจริงๆ และจากการที่ครูไปดูงานที่บ้านกาญจนาภิเษกมา เป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับครู คือคำพูดที่ว่า ถ้าประตูโรงเรียนปิด ประตูคุกก็จะเปิดของป้ามล ทิชา ณ นคร คำๆนี้ยังอยู่ในใจของครูเสมอ ครูจึงทำทุกทางให้เด็กได้เรียนได้ไปต่อ  หลังจากนี้คงต้องขบคิดมากขึ้น  ให้เด็กได้รับการป้องกัน ได้รับวัคซีนชีวิตที่ดี” นางรัชดาภรณ์ กล่าว

​ด้านเด็กหญิงกาญจนา เหลาเลิศ นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์ กล่าวว่า หนูดีใจที่ได้มาค่ายนี้ มีความสุขมากๆ อยากมาอีกค่ะ และหนูมีความรู้เพิ่มขึ้นในเรื่องต่างๆ ทั้งผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า กัญชา กระท่อม สารเสพติด และเหล้าค่ะ รวมถึงกฎหมาย และประสบการณ์จากพี่ๆที่เคยผิดพลาดมา  ทำให้เราได้คิด   หนูไม่เคยมาค่ายลักษณะแบบนี้ นี่คือครั้งแรกเลย คิดว่าความรู้จากค่ายนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ คนที่เขาอาจจะพลาดไปในทางไม่ดี  หรือยุ่งกับสารเสพติด เราก็จะได้ช่วยกันเตือนพวกเขา ทั้งผิดกฎหมาย และยังส่งผลต่อสุขภาพด้วย แต่เราก็เข้าใจเขานะ ไม่ได้ไปรังเกียจหรือด้อยค่ากัน อันนี้คือมุมมองที่เปลี่ยนไปของหนู


เด็กหญิงปาริชาติ สุระชัย นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนทับโพธิ์พัฒนวิทย์ กล่าวว่า มาค่ายครั้งนี้หนูรู้สึกดีมากๆค่ะ เพื่อนๆพูดกับหนูทั้งวันว่าอยากมาอีก เพราะทุกคนได้รับทั้งประสบการณ์ดีๆ ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งความอบอุ่น ทุกคนกล้าแสดงออก แล้วเพื่อนก็ได้มีพื้นที่ระบายความรู้สึก พูดความในใจที่ไม่เคยพูดกับใครเลยแม้กระทั่งเพื่อนกัน เพื่อนกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้พูดในสิ่งที่เขาไม่เคยได้พูด เพื่อนบอกหนูว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมเราถึงไว้ใจพี่ๆเขา เพราะอะไรก็ไม่รู้ถึงทำให้เราร้องไห้และพูดความในใจกันแบบนี้  ปกติอยู่ที่โรงเรียนหรือเจอกันไม่เคยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเลย ความรู้ที่ได้จากค่ายนี้เอาไปใช้ประโยชน์ได้เยอะเลยค่ะ ทั้งการกล้าแสดงออก การตอบคำถาม การเล่นกิจกรรม และได้ฝึกสมาธิฝึกความอดทน ฝึกความสามัคคี ความร่วมมือกัน ยังรวมถึงความรู้เรื่องยาเสพติด เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เราได้ในสิ่งที่เราไม่เคยได้รับมันมาก่อน และมันดีสำหรับพวกเรามากๆเลยค่ะ ปกติไม่เคยได้มาเจอเพื่อนๆพี่ๆต่างโรงเรียนแบบนี้ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆกัน หนูอยากให้กำลังใจเพื่อนๆที่เคยทำผิดพลาด หนูเชื่อว่าทุกคนผ่านไปได้เสมอค่ะ อยากให้ทุกคนสู้ค่ะ เพราะหนูเองก็เคยผิดพลาดหนูเลยเข้าใจว่ามันต้องสู้ขนาดไหน และถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ หนูอยากให้ตัวเองกล้าแสดงออกให้มากขึ้น บางครั้งหนูพลาดโอกาสดีๆเพราะการไม่กล้าแสดงออกของหนูค่ะ


นางสาวสุริษา จิตรงาม นักเรียนชั้น ม. 6 โรงเรียนธาตุศรีนคร กล่าวว่าค่ายนี้หนูเข้ากับเพื่อนๆได้ดีทุกคนเป็นกันเอง มีความสุขที่ได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่างร่วมกับเพื่อนๆ เหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัย หนูเป็นคนที่ชอบพูดแต่ไม่กล้าแสดงออก พอได้รวมกลุ่มได้ฟังเรื่องที่ทุกคนเล่า เราก็พร้อมที่จะเล่าเรื่องปัญหาของเราออกมาให้เขาได้ยินเหมือนกัน การมีพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนจะเป็นประโยชน์เพราะเราจะได้รับฟังปัญหาของเด็กที่เขาหนีเรียนไม่เข้าเรียน เขาอาจจะมีปัญหาอะไรหลายๆอย่างที่เราไม่รู้ จะทำให้เราเข้าใจเขาได้มากขึ้น เราสามารถเอาความรู้ที่ได้รับไปช่วยบอกต่อหรือช่วยเตือนคนรอบตัวที่กำลังทำผิดอยู่ อยากบอกเพื่อนๆที่อาจจะพลาดไป มันไม่มีคำว่าสายเกินไปเราสามารถกลับตัวและแก้ไขทุกอย่างได้เสมอ


นายอภิรัฐ  สุดสาย อดีตเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ผู้ประสานงานกลุ่มผู้ถูกเจียระไน กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำประสบการณ์ชีวิตที่เคยก้าวพลาดในช่วงมัธยมต้น ตั้งแต่เด็กผมจำได้ว่าผู้อยู่กับความรุนแรงในครอบครัวมาตลอด  เห็นการทะเลาะกันจนเป็นเรื่องปกติ  ผมก็เลือกอยู่ในมุมเล็กๆของผม  ที่บ้านผมดูเงียบๆ แต่ที่โรงเรียนผมเกเรมากๆ มีเรื่องทะเลาะวิวาทแทบทุกวันจนต้องออกจากโรงเรียนเดิมไปอยู่ที่ใหม่  ก็ยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม จนครอบครัวสู้ไม่ไหวแล้ว ผมถูกส่งมาอยู่กับพี่ชายที่กรุงเทพ แต่ผมก็ยังทำตัวเหมือนเดิม  จากที่ไม่รู้จักใครก็เริ่มหากลุ่ม หาพวก ที่เข้าเรียกกันว่า “ผีเห็นผี”  เพื่อนหลายคนก็ออกจากบ้านมาแบบผม  มาอยู่ในกลุ่มกินเที่ยว เสพ กลุ่มค้า และสุดท้ายก็ชวนกันปล้น แต่ผมก็ไม่รอด ผมถูกจับ ตอนนั้นผมยังเด็กก็ต้องเข้าคุกเด็ก ซึ่งผมก็ต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่รอดในสถานที่แห่งนั้นที่มีแต่อำนาจ ความรุนแรง และความกลัว ซึ่งที่นั่นไม่ได้เปลี่ยนความคิดอะไรผมเลย สุดท้ายผมก็ขอมาอยู่ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก ซึ่งมี ป้ามล มิชา ณ นครเป็นผู้อำนวยการ


​“ที่นี้ผมได้รับการกอดที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมันมาเลยทั้งชีวิต  ป้ามลพูดกับผมแบบเข้าใจ ไร้ซึ่งอำนาจ และกระบวนการต่างๆที่เปลี่ยนความคิดผมก็ค่อยๆเริ่มต้น เช่น การมีสิทธิกำหนดกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน  การเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกาย การไม่ใช้ความรุนแรง  วิเคราะห์ข่าว  ดูหนังวิเคราะห์หนัง  การทำกิจกรรมกลุ่ม  กิจกรรมอาสา การเขียนบันทึกก่อนนอน ฯลฯ ทุกอย่างค่อยปรับความคิดผมอย่างไม่รู้ตัว  จนผมออกมาจากที่นั่น และพยายามรวมกลุ่มเพื่อนที่เคยก้าวพลาด  ให้มาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคม เช่นเป็นวิทยากร  กิจกรรมจิตอาสา  การให้คำปรึกษาน้อง ๆ รุ่นหลัง เป็นต้น วันนี้ผมขับรถมาจากกรุงเทพเพื่อมาเจอน้อง ๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประสบการณ์ผมจะช่วยเป็นวัคซีนชีวิตที่ดีให้กับน้อง ๆ ได้บ้าง” นายอภิรัฐ กล่าว 



No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages