มหาวิทยาลัยรามคำแหงร่วมกับเครือข่ายวิจัยจัดเสวนาการท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน: - Thailand Times

Breaking



Post Top Ad

Sunday, 29 June 2025

มหาวิทยาลัยรามคำแหงร่วมกับเครือข่ายวิจัยจัดเสวนาการท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน:

มหาวิทยาลัยรามคำแหงร่วมกับเครือข่ายวิจัยจัดเสวนาการท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน: มุ่งสู่ Net Zero Tourism และ Nature Positive Tourism ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล ครั้งที่ 8

กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA), สมาคมการท่องเที่ยวในชุมชนภาคใต้, Asian Ecotourism Network (AEN), เทรคกิ้งไทย, Thailand Together Net Zero Tourism ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดการเสวนาการท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน: มุ่งสู่ Net Zero Tourism และ Nature Positive Tourism ภายในงานประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเรือรัษฎา จังหวัดตรัง

ผู้ร่วมเสวนาฯ ประกอบด้วย รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล มหาวิทยาลัยรามคำแหง / อาจารย์ ดร.สิทธิพร เพ็งสกุล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง / ว่าที่พันตรี วัชรินทร์ แสวงการ อุปนายกสมาคมการท่องเที่ยวในชุมชนภาคใต้ / ดร. ปาริชาต สุนทรารักษ์ อุปนายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) / อาจารย์ ดร. วิชิน สืบปาละ หัวหน้าโครงการ Thailand Together Net Zero Tourism Project โดยมี รศ.ดร.มาฆมาส สุทธาชีพ  Association of Marine Biodiversity Conservation and Education (AMBCE) เป็นผู้ดำเนินการเสวนาฯ

รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน กล่าวว่า การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral Tourism (CNT) เป็นการริเริ่มโครงการโดย ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และได้ผลักดันให้เป็นรูปธรรมผ่านการประสานงานและดำเนินงานร่วมกันของเครือข่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งเครือข่ายส่วนกลาง เครือข่ายผู้ประกอบการทางการท่องเที่ยวและชุมชน เครือข่ายพื้นที่ และเครือข่ายนักวิจัย การดำเนินงานภายใต้แผนงานการท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ปีงบประมาณ 2566-2567 มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เป็น  Carbon Neutral Tourism (CNT)  และมุ่งสู่  Net Zero Tourism (NZT)  ผ่านการยกระดับมาตรฐาน การบริหารจัดการ การสนับสนุนเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน-ชุมชน และสร้างระบบการตลาดระดับโลก มีการดำเนินงานกว่า 20 โครงการทั่วประเทศ โดยมีเครือข่ายวิจัย 20 มหาวิทยาลัยนักวิจัยมากกว่า 200 คน  ครอบคลุมพื้นที่ 42 จังหวัด  ซึ่งมีทั้งพื้นที่ภูเขา ป่าไม้ สวนเกษตร ถ้ำ น้ำพุร้อน แหล่งน้ำจืด ชายฝั่งทะเล กลุ่มเกาะในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน และได้พัฒนาโครงการชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากฐานทรัพยากรธรรมชาติ (nature-based solutions) ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน และสนับสนุน Nature Positive Tourism ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้บรรลุตามเป้าหมายทั้งด้านการเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง  สร้างมูลค่าการขายสินค้าและบริการจากการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเมืองรอง ผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้น  ชุมชน/องค์กรปกครองท้องถิ่นมีความรู้ ความเข้าใจและความสำเร็จในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศและวัฒนธรรม  และมีมูลค่ารวมของการขายสินค้าและบริการจากเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของโลก


ดร.สิทธิพร เพ็งสกุล กล่าวถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย ซึ่งคณะนักวิจัยได้พัฒนาขึ้นจากมาตรฐานการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องในระดับสากล โดยมีมาตรฐานสำหรับการดำน้ำตื้น, การดำน้ำลึก (SCUBA), แคนู/คายัค และเจ็ตสกี ซึ่งกำหนดมาตรฐานและแนวทางสำหรับการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยเน้นการวัดการปล่อยคาร์บอน การพัฒนาและดำเนินการตามกลยุทธ์การลดการปล่อยคาร์บอน การชดเชยการปล่อยคาร์บอน การตรวจสอบการดำเนินงานคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และการเผยแพร่ต่อสาธารณะเกี่ยวกับคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการตามมาตรฐานสากล โดยมี 6 องค์ประกอบหลัก ครอบคลุมเกณฑ์การบริหารจัดการที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ การใช้ประโยชน์และลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ-สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการชดเชยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ คณะนักวิจัยได้จัดทำหลักสูตรสำหรับการอบรมและระบบประเมินรับรองมาตรฐาน โดยมีการอบรมหลักสูตรมาตรฐานการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และตราด ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมมากกว่า 100 องค์กร และได้พัฒนาชุดเครื่องมือฝีกอบรมออนไลน์ (Toolkit) เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจมีความสะดวกในการฝึกอบรมมากขึ้น


ว่าที่พันตรี วัชรินทร์  แสวงการ ยกตัวอย่างการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของโฮมสเตย์ท้องตมใหญ่ จังหวัดชุมพร โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนจากเรือหางยาวไม้เป็นเรือไฟเบอร์ ซึ่งทำให้เรือมีน้ำหนักเบา สามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้ และมีแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับเก็บพลังงานสำรอง เรือมีเสียงเบามาก และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ซึ่งเหมาะสมกับการท่องเที่ยวในเขตอนุรักษ์ การริเริ่มโครงการฯ นี้ จึงเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าในเชิงการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงควรสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีสีเขียว ควรลดภาษีแบตเตอรี่ หรือส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมมาตรฐานการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน และให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมสามารถเป็นเจ้าของเรือไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง


ดร. ปาริชาต สุนทรารักษ์ นำเสนอแนวทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism: CNT) ของประเทศไทย โดยเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สมาคมธุรกิจ และสถานทูตไทยในต่างประเทศ ผ่านโมเดล “1 สถานทูต 1 จังหวัด” เชื่อมโยงตลาดต่างประเทศกับพื้นที่นำร่อง เช่น น่าน เพชรบุรี ตราด และขอนแก่น พร้อมทั้งพัฒนาแพ็กเกจท่องเที่ยวลดคาร์บอนและยกระดับมาตรฐานบริการให้สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ทั้งกลุ่มพักผ่อนและธุรกิจ จากการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ พบว่าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้เฉลี่ยประมาณ 31% โดยเฉพาะจากหมวดการเดินทางและของเสีย การสร้างองค์กรบริหารจัดการจุดหมายปลายทาง (Destination Management Organization, DMO) มีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมทั้งการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และการใช้เครื่องมือดิจิทัลสำหรับการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาเครื่องมือในการสื่อสาร เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ


ดร. วิชิน สืบปาละ หัวหน้าโครงการการยกระดับการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับสากล (Together Net Zero Tourism: NZT)  ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก บพข. ปีงบประมาณ 2567 โดยดำเนินงานร่วมกับ Mr. Peter Richards (สถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน) และคุณนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น (เทรคกิ้งไทย/Asian Ecotourism Network) โครงการวิจัยฯ ให้ความสำคัญต่อการบูรณาการขององค์ความรู้จากการวิจัยเพื่อขยายผลให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม โครงการวิจัยฯ ได้ส่งเสริมความร่วมมือในระดับนานาชาติ เช่น กิจกรรม South to South ที่นักวิจัยของโครงการฯ ได้ฝึกอบรมวิทยากรของประเทศแกมเบียเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนไปสู่ Net Zero Tourism รวมทั้งการดำเนินงานวิจัยร่วมกับ The Travel Foundation เพื่อพัฒนาเครื่องมือการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการท่องเที่ยว ร่วมกับนักวิจัยจากหลายองค์กรทั่วโลก โดยเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในหกของพื้นที่นำร่อง กิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการวิจัยนี้จะช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ


การเสวนาครั้งนี้ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากผู้เข้ารับฟังการเสวนาหลายท่าน เช่น ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดร.พรสุข จงประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ คุณละมัย ลาภศิริโสภา ผู้ประกอบการจากมุกละมัยรีสอร์ทแอนด์สปา เกาะมุกด์ จังหวัดตรัง


การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล ครั้งที่ 8 จัดโดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมทั้งหมด 67 หน่วยงาน รวม 953 คน โดยมีผู้นำเสนอผลงานวิจัย 337 คน 

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages