ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี ยาบ้า 10,460,000 เม็ด
นโยบายรัฐบาล ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร โดยตัดต้นตอการผลิต สกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้า ตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้า รวมทั้งติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดไม่ให้กลับไปสู่วงจรอีก สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร./ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. และพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส. ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตอนในรอบกรุงเทพฯ รวม 9 จังหวัด X-ray พื้นที่ เพื่อปราบปรามทำลายแหล่งพักคอยและรวบรวมยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเข้ามายังพื้นที่ตอนใน และให้เข้มงวดกวดขันในการสกัดกั้น .ตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดที่จะส่งต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ตำรวจภูธรภาค 1 จึงได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 ถึง 17 มิ.ย.2568 ได้ทำการจับกุมยาเสพติดรวมจำนวน 17,572 คดี ผู้ต้องหารวม 17,601 คน ของกลาง เป็นยาบ้ารวม 128 ล้านเม็ดเศษ,ไอซ์รวม 4,337 กก.,เคตามีนรวม 245 กก. และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ และได้ตรวจยึดทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 740 ล้านบาทเศษ
โดยในวันนี้ วันที่ 23 มิ.ย.2568 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1,พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา,พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี และนายทิพเมษฐ์ สังขวรรณะ ผอ.ปปส.ภาค 1 ขอแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี ได้ยาบ้ารวม 10,460,000 เม็ด ดังนี้
คดีที่ 1 จับกุมยาบ้า 6 หมื่นเม็ด ทีมโกดังยาเสพติด “เอก หนองยาว” ส่งมอบกันในพื้นที่ จ.สระบุรี : คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมแหล่งพักยาเสพติด “โกดังเปรม ปชน.” ได้ผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดไอซ์ 217 กก.,ยาบ้า 560,000 เม็ด,ยาอี 3,163 เม็ด,เคตามีน 88 กรัม จับกุมได้ที่บริเวณอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่ามีกลุ่มของนายเอกรัตน์ ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สระบุรี เคยเดินทางมารับยาเสพติดจากแหล่งพักยาเสพติด “โกดังเปรม ปชน.” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนเฝ้าติดตามพฤติการณ์กลุ่มของนายเอกรัตน์ หรือ “เอก หนองยาว” มาโดยตลอด จนกระทั่งในวันที่ 20 มิ.ย.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 นำโดย พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย
ภ.จ.สระบุรี,กก.สส.ภ.จ.สิงห์บุรี,บก.ขส.บช.ปส.,หน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ นำโดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ.,กองพันข่าวกรองทางทหาร นำโดย พ.อ.พูลศักดิ์ พรประเสริฐ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 นำโดยนายปริญญา ปิดเมือง นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ร่วมกันจับกุมทีมโกดังยาเสพติด “เอก หนองยาว” ได้ผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายสุรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี,น.ส.สุทธิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี และนายเอกรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลาง (เฉพาะรายการที่สำคัญ) ดังนี้ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมจำนวนประมาณ 60,000 เม็ด,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมประมาณ 1.91 กรัม,รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา จำนวน 1 คัน (เป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติดมาส่ง),รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว จำนวน 1 คัน (เป็นรถที่มารับยาเสพติด),โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง และตราชั่งดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2568 เวลาประมาณ 00.50 น. นายเอกรัตน์ (ผู้ต้องหาที่ 3) ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา (ของกลางลำดับที่ 3) นำยาบ้าที่ใส่ไว้ ในกล่องกระดาษสีน้ำตาล มาวางไว้ที่จุดนัดหมาย บริเวณริมถนนสาย 3021 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวางกล่องยาบ้าเรียบร้อยแล้วได้รีบขับรถออกไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา ได้มีนายสุรัตน์ (ผู้ต้องหาที่ 1) และน.ส.สุทธิดา (ผู้ต้องหาที่ 2) ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว (ของกลางลำดับที่ 4) มายังจุดที่วางกล่องยาบ้าไว้ และ น.ส.สุทธิดา เป็นผู้ลงมาหยิบกล่องยาบ้าขึ้นรถแล้วพากันขับออกไป เมื่อมีการส่งและรับยาบ้ากันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติซึ่งได้สะกดรอยติดตามดูพฤติการณ์ ในทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ได้ติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คันดังกล่าว เมื่อถึงสถานที่ปลอดภัย จึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้นรถยนต์คันที่นายสุรัตน์ และ น.ส.สุทธิดา นำมารับยาบ้า ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 60,000 เม็ดบรรจุอยู่ในกล่องวางอยู่ในรถ ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่ได้สะกดรอยติดตามรถยนต์ของนายเอกรัตน์ (ผู้ต้องหาที่ 3) ซึ่งเมื่อนำมายาบ้ามาวางไว้ที่จุดนัดหมายแล้วได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรีเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในบ้านและภายในรถยนต์ พบเคตามีนน้ำหนักรวมประมาณ 1.91 กรัม จึงทำการจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าววหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือในคดีนี้ต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมยาบ้า 7.2 ล้านเม็ด ที่โกดังแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี : คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568 เวลาประมาณ 06.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ผลการตรวจค้นพบยาบ้า 40 กระสอบ คิดเป็นจำนวนยาบ้าประมาณ 8,732,000 เม็ด และยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 720 กิโลกรัม และจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 1 นำโดย พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 และชุดขยายผลฯ ของ ศอ.ปส.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบว่า เครือข่ายของแหล่งพักยาเสพติด ต.ราชคราม ดังกล่าว ได้ไปรับยาเสพติดมาจากภาคเหนือ และมาเช่าโกดังซึ่งอยู่ที่บริเวณ ริมถนนพหลโยธิน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไว้เพื่อรอรับยาเสพติดเตรียมส่งต่อให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของเครือข่ายดังกล่าวตลอดมา จนกระทั่งในวันที่ 21 มิ.ย.2568 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ริมถนนพหลโยธิน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 7,200,000 เม็ด และจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ซึ่งกำลังจัดเตรียมยาบ้าเพื่อส่งให้แก่ลูกค้า นายกมล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี และ นายโชคชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือในคดีนี้ต่อไป
คดีที่ 3 ตรวจยึดยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด ในพื้นที่ ต.หน้าพระลานน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี : คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2568 เวลาประมาณ 22.25 น. สภ.หน้าพระลาน จ.สระบุรี ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์แบบเอนกประสงค์ (SUV) ยี่ห้อเชฟโรเลต สีแดง เกิดอุบัติเหตุชนกับขอบทางบริเวณริมถนนสายหน้าพระลาน-หนองจาน ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ภายในรถมีสิ่งของคล้าย
ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานภายในรถยนต์ ผลการตรวจสอบได้ทำการตรวจยึดสิ่งของซึ่งอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว (เฉพาะรายการที่สำคัญ) ดังนี้ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ รวมประมาณ 3,200,000 เม็ด,อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ COLT จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวน 10 นัด,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งรัดทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิด ผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือโดยเร่งด่วนต่อไป
ตำรวจภูธรภาค 1 จะได้สืบสวนปราบปราม และ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอย รวมทั้งจะเข้มงวดกวดขันสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่องต่อไป และใคร่ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด
สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป
#ตำรวจภูธรภาค1เป็นหนึ่งพึ่งได้ทันสมัยดูแลความปลอดภัยเพื่อประชาชน
No comments:
Post a Comment