สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ หรือ สกช. ได้จัดโครงการสัมมนาสรุปผลการดำเนินงาน รอบ 6 เดือน และติดตามความคืบหน้างานตามภารกิจของสภาเกษตรกรแห่งชาติ และจัดกิจกรรมแถลงผลการดำเนินงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติ รอบ 6 เดือน “สภาเกษตรกรก้าวย่างอย่างมั่นใจ นำพาเกษตรกรไทยสู่ความมั่งคั่ง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและติดตามความคืบหน้าภารกิจ รวมถึงการชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานตามแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และเพื่อเป็นการเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร บทบาทอำนาจหน้าที่ และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับเกษตรกร องค์กรเกษตรกร หน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในการเป็นสถาบันแกนหลักในการประสานการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศ กระตุ้นให้เกิดความสนใจ เกิดกระแสสนับสนุน และเกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดกิจกรรมขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. ณ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ชั้น 1 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวแถลงผลการดำเนินงาน โดยสรุปได้ดังนี้ นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ดำเนินนโยบาย "3 เปลี่ยน 3 สร้าง 3 ปรับ” โดยมีผลการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้
ผลการดำเนินงานตามนโยบาย
นโยบาย “3 เปลี่ยน” ได้แก่ 1) เปลี่ยนสภาของเกษตรกร โดยเกษตรกร เพื่อเกษตรกร อย่างแท้จริง ทั้งหลักคิด หลักการและหลักปฏิบัติ 2) เปลี่ยนข้อบังคับและระเบียบที่เป็นอุปสรรค ให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. สภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 และ 3) เปลี่ยนรูปแบบและวิธีดำเนินงานของสภาเกษตรกรให้เร็วรุก สนุกกับงาน คนสำราญ งานสำเร็จ โดยวิธีร่วมคิด ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมรับประโยชน์
นโยบาย “3 สร้าง” ได้แก่ 1) สร้างทีมงานบริหาร ทีมงานขับเคลื่อนงาน พัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นมืออาชีพ และเข้มแข็งอย่างเร่งด่วน 2) สร้างเครือข่ายเกษตรกรให้เข้มแข็งเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนทุกระดับทุกมิติให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพและบูรณาการ และ 3) สร้างต้นทุนองค์กรให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกับรัฐบาล
นโยบาย “3 ปรับ” ได้แก่ 1) ปรับรูปแบบและโครงสร้างคณะกรรมการใหม่ ให้มีบทบาทที่ชัดเจนตลอดห่วงโซ่อุปทานของภาคการเกษตรเพื่อการทำหน้าที่บูรณาการการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร ปรับลดจาก 15 คณะ เหลือ 6 คณะ 2) ปรับรูปแบบและปรับแนวคิด ทัศนคติ ของสมาชิกและบุคลากรให้เป็นหนึ่งเดียวรู้รักสามัคคี มองเป้าหมายองค์กรเป็นตัว 3) ปรับรูปแบบและโครงสร้างสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลการดำเนินงานตามภารกิจ ดังนี้
1. การประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ดำเนินการจัดประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติไปแล้ว 4 ครั้ง มีการนำเสนอและหารือเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของเกษตรกร และผ่านการพิจารณาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ จำนวน 17 เรื่อง และข้อเสนอเชิงนโยบาย จำนวน 6 เรื่อง ประกอบด้วย
1) ข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาปศุสัตว์ สู่ความยั่งยืน
2) ข้อเสนอเชิงนโยบายแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน ของสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง
3) ข้อเสนอการจัดตั้งกองทุนชาวสวนทุเรียน และการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติกองทุนทุเรียนไทย
4) ข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาเกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
5) ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการทำประมงพื้นบ้าน
6) ข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาราคาปลากะพงตกต่ำ
2. การจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมและการสร้างเครือข่ายเกษตรกร
1) จัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมฉบับที่ 2 โดยมุ่งเน้น 1 หลัก - 3 ทาง - 3 พัฒนา - 11 แนวทาง
2) สร้างเครือข่ายเกษตรกร 75,036 หมู่บ้าน เพื่อเป็นกลไกในการรับฟังความคิดเห็น สะท้อนปัญหา เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเกษตร ให้เป็นรูปธรรมและนำความสุขมาสู่เกษตรกร
3. การบูรณาการกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
สภาเกษตรกรแห่งชาตินอกจากจะเสนอแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเกษตรกรรมในรูปแบบข้อเสนอเชิงนโยบายแล้ว ยังได้บูรณาการกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น
1) การแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
2) การแก้ไขปัญหาปลาหมอสีคางดำ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้สำรวจปัญหาและการแพร่ขยายระบาดของปลาหมอสีคางดำในพื้นที่ต่างๆ ทั้ง 77 จังหวัด โดยการประสานงานกับสำนักงานประมงพื้นที่
3) การแก้ไขปัญหาราคาปลากะพงตกต่ำ กรมประมงเสนอการใช้มาตรการควบคุมการนำเข้า ปลากะพงขาวแช่เย็นที่นำเข้าจากมาเลเซีย
4) การแก้ไขปัญหาการทับซ้อนพื้นที่ป่าไม้กับพื้นที่ ส.ป.ก.จังหวัดสระบุรี
5) การแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายที่มีผลกระทบต่อเกษตรกรรม
6) การแก้ไขปัญหาโรคใบด่างในมันสำปะหลัง
4. การดำเนินงานกิจกรรมสาธารณะ
สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ดำเนินงานกิจกรรมสาธารณะ และการช่วยเหลือด้านต่างๆแก่สังคมและเกษตรกรที่ประสบกับปัญหาจากภัยธรรมชาติ ดังนี้
1) โครงการจิตอาสาพัฒนาสาธารณประโยชน์ "เราทำความดีด้วยหัวใจ" เนื่องในโอกาสวันคล้าย วันสถาปนาสภาเกษตรกรแห่งชาติ ครบรอบ 13 ปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
2) พิธีรวมใจถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดทั่วประเทศ
3) การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมอบข้าวสารให้จังหวัดละ 550 กระสอบ และถุงยังชีพ 120 ชุด
4) การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคอีสาน (ร้อยเอ็ด ยโสธร) โดยร่วมกับชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด และชมรมรถบรรทุกฟางก้อน สนับสนุนฟางอัดก้อน จำนวน 6,000 ก้อน และน้ำดื่ม 10,000 ขวด
โดยในช่วงท้ายประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่ได้ติดตามการแถลงผลการดำเนินงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติในวันนี้ สภาเกษตรกรแห่งชาติหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของเกษตรกร และความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะทำให้เกษตรกรรมไทยเติบโต ก้าวหน้า ผลิตอาหารปลอดภัยสู่บริโภคทั้งภายในประเทศ และส่งออกให้กับคนทั่วโลกได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวย่างแห่งความมั่นคงทางอาหารสู่ความมั่งคั่งของเกษตรกรไทย และเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอเป็นตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งชาติอวยพรให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทยทุกท่าน โดยขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงบันดาลประทานพรให้พี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศจงมีแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผลิตอาหารปลอดภัยสำหรับคนไทยและคนทั่วโลก และขอให้พี่น้องเกษตรกรไทยทุกท่านโชคดีมีความสุขทุกคน
No comments:
Post a Comment