รมว.อว.กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นกระทรวง อว. กับ Exim Bank จะมีการดำเนินการร่วมกันในหลายมิติ อาทิ การสนับสนุนการเงินและบ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการเชื่อมเครือข่ายต่อยอดธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในทางเทคนิค นวัตกรรม และวิชาการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการบริการ ให้ผู้ประกอบการมีความสามารถทางการแข่งขันที่สูงขึ้น ตลอดจนสร้างแรงจูงใจผ่านเครื่องมือทางการเงินและให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค (Technical Assistance) แก่ผู้ประกอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 ตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดขึ้น (Nationally Determined Contributions: NDC)
“นอกจากนี้ ยังมีความตั้งใจที่จะดำเนินโครงการร่วมกันเพิ่มติมอีก เช่น การจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเศรษฐกิจ BCG รวมถึงการสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาเปลี่ยนมาใช้โซล่าร์เซลล์ โดยให้สามารถกู้เงินกับทาง Exim Bank ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อบ่มเพาะและสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการ SMEs รุ่นใหม่ที่พร้อมพัฒนาธุรกิจด้วยงานวิจัย วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนในเวทีการค้าโลก” น.ส.ศุภมาส กล่าว
No comments:
Post a Comment