8 วันหลังจากชนะเลิศรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ วิคเตอร์ ฮอฟแลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งในสัปดาห์ถัดมา และคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 6 พร้อมรางวัลเฟดเอ็กซ์คัพ กลายเป็นนักกอล์ฟจากนอร์เวย์คนแรกในประวัติศาสต์วงการกอล์ฟที่รับเงินโบนัสสูงสุดของพีจีเอทัวร์ (ภาพ: Getty Images)
ฮอฟแลนด์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขันเฟดเอ็กซ์คัพ เพลย์ออฟ ซีรีส์ สนามสุดท้าย ในรายการทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ โดยตีเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 66 ในการแข่งขันวันเสาร์ นำห่าง ซานเดอร์ ชาฟเฟเล่ 6 สโตรก และปิดท้ายอีก 7 อันเดอร์พาร์ 63 เป็นสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบในวันอาทิตย์ ไม่เปิดโอกาสให้ชาฟเฟเล่ เบียดแซงได้ทัน
ผลงาน 7 อันเดอร์พาร์ในรอบสุดท้าย เป็นการตีสกอร์ต่ำกว่า 70 เป็นครั้งที่ 11 ติดต่อกันของฮอฟแลนด์ และเป็นหนึ่งใน 37 ครั้งที่เขาทำได้ในปีนี้ โปรกอล์ฟหนุ่มจากนอร์เวย์ไม่เคยพลาดการตัดตัวในการออกสตาร์ท 23 รายการในฤดูกาลนี้ และจบการแข่งขันใน 25 อันดับแรกหรือดีกว่าเกือบทั้งหมด มีหลุดจากท็อป 25 ไปเพียง 5 รายการ
ฮอฟแลนด์ ยังมีสถิติการไดรฟ์ที่แม่นยำมากที่สุดในสนามเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน และเป็นนักกอล์ฟเพียงคนเดียวที่ทำได้ในรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ และทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาลเดียวกัน นับตั้งแต่มีรายการเพลย์ออฟ เฟดเอ็กซ์คัพ ซีรีส์ ในปี 2007 โดยมีสถิติ Driving Accuracy คิดเป็น 68.45 เปอร์เซนต์ ใน 3 รายการหลังสุดของฤดูกาล ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดของแชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ เท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้ยังมีสถิติกรีนอินเรกูเลชั่น(greens in regulation) คิดเป็น 76.39 เปอร์เซนต์ ในรายการเพลย์ออฟ เพดเอ็กซ์คัพ ซึ่งดีกว่าแชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ คนอื่นๆ ส่วนความแม่นธงของฮอฟแลนด์ เฉลี่ยระยะ 25.8 ฟุต เป็นอันดับสองรองจาก รอรี่ แม็คอิลรอย เจ้าของแชมป์เมื่อปีที่แล้ว
สถิติการเล่นบนกรีนของฮอฟแลนด์ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยรั้งอันดับ 1 มีค่าเฉลี่ยพัตต์ระยะไกลดีที่สุด 90.4 ฟุต และการพัตต์นอกระยะ 10 ฟุต คิดเป็น 25.81 เปอร์เซนต์ เป็นผู้นำในการแข่งขันรายการเพลย์ออฟอย่างน้อย 6 รอบ
นอกจากนี้ยังมีสโตรคเกน (stroke gained total) 13.36 ในรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ และทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นสถิติดีที่สุดสุดนับตั้งแต่ปี 2007 การคว้าแชมป์ครั้งที่ 6 ของเขา เกิดขึ้นหลังจากลงเล่นไป 98 รายการ และเพิ่มสถิติเป็นผู้เล่นที่ชนะหลายครั้งในหนึ่งฤดูกาล โดยในฤดูกาลนี้ฮอฟแลนด์ยังคว้าชัยในศึก เม็มโมเรียล ทัวร์นาเมนท์ พรีเซนเต็ดบาย เวิร์คเดย์ด้วย
ฮอฟแลนด์เผย หลังคว้าแชมป์ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมโบนัสเฟดเอ็กซ์คัพ และขยับขึ้นรั้งอันดับ 4 ของโลกว่า“ผมรู้สึกว่าผมพัฒนาไปหลายสเต็ปในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันเหลือเชื่อมากๆเลย”
ฮอฟแลนด์ คว้าแชมป์บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ
วิคเตอร์ ฮอฟแลนด์ อาศัยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในรอบสุดท้าย ตีเข้ามา 9 อันเดอร์พาร์ 61 แซงหน้าเอาชนะได้ทั้ง สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ มือหนึ่งของโลก และแมตต์ ฟิตซ์แพทริก อดีตแชมป์ยูเอส โอเพ่น และผู้นำรอบสาม ผงาดคว้าแชมป์บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ ไปครอง ซึ่งเป็นรายการนี้เป็นการแข่งขันสนามที่สองของเฟดเอ็กซ์คัพ เพลย์ออฟ ซีรีส์ ชัยชนะดังกล่าวทำให้เขาขยับรั้งอันดับสองของตารางคะแนนสะสมเฟดเอ็กซ์คัพก่อนเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายที่สนามอีสต์เลค
การหวด 9 อันเดอร์พาร์ ในรอบสุดท้ายถือเป็นคะแนนที่ดีที่สุดต่อรอบในการเล่นอาชีพของฮอฟแลนด์ และเป็นสกอร์ต่อรอบที่ดีที่สุดของตำแหน่งแชมป์พีจีเอทัวร์ในฤดูกาลนี้ด้วย และไม่มีนักกอล์ฟคนใดตีได้ดีกว่านี้ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ทุกรายการของเฟดเอ็กซ์คัพ เพลย์ออฟ ซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2007 และตอนนั้นฮอฟแลนด์ มีอายุเพียง 10 ขวบ!
ฮอฟแลนด์ ซึ่งตามหลังอยู่ 3 ช็อตเมื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย ทำไป 10 เบอร์ดี้ ในวันอาทิตย์ มากกว่าที่ทำได้ในสามรอบที่ผ่านมาสองเท่า และมีเปอร์เซนต์ดีกว่าสามรอบแรกสองเท่าเช่นกัน จาก 21.1 เปอร์เซนต์ ขยับมาอยู่ที่ 55.6 เปอร์เซนต์ โดย รอรี่ แม็คอิลรอย ซึ่งเล่นก๊วนเดียวกับฮอฟแลนด์ กล่าวว่า “ผมรับรู้ได้ระหว่างการแข่งขันว่ามีบางอย่างพิเศษมากกำลังเกิดขึ้น “
ขณะเดียวกันผลงานที่โดดเด่นในวันอาทิตย์ ทำให้นักกอล์ฟหนุ่มวัย 25 ปีจากนอร์เวย์มีสโตรคเกน 7.69 ในสนามแห่งนี้ ดีที่สุดเป็นอันดับ 5 ของการแข่งขันรอบสุดท้ายในศึกเฟดเอ็กซ์คัพ เพลย์ออฟ
โกลเวอร์ คว้าแชมป์ต่อเนื่อง เฉือนเพลย์ออฟครองแชมป์ เฟดเอ็กซ์ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ
การคว้าแชมป์รายการวินด์แฮม แชมเปี้ยนชิพ ทำให้ ลูคัส โกลเวอร์ เป็นนักกอล์ฟคนเดียวจากรายการนี้ที่ได้ผ่านเข้าไปชิงชัยในการแข่งขันเฟดเอ็กซ์ คัพ เพลย์ออฟ รายการแรกในศึกเฟดเอ็กซ์คัพ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ โดยรั้งอันดับ 49 ของตาราง แต่โกลเวอร์รู้ดีว่าต้องทำงานหนักที่ทีพีซี เซาธ์วินด์ เพื่อเข้าไปเล่นในสัปดาห์ถัดไปซึ่งคัดเอา 50 อันดับแรกของตาราง
ในการแข่งขันรายการเฟดเอ็กซ์คัพ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ ที่สนามทีพีซี เซาธ์วินด์ โกลเวอร์ทำแต้มจากหลุมพาร์ 4 ได้ดีอีกครั้ง โดยทำสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติดีที่สุดในบรรดา 70 นักกอล์ฟที่ร่วมชิงชัย อย่างไรก็ตาม โดยรวมโปรกอล์ฟวัย 43 ปี ตีไม่ค่อยออนกรีน โดยมีสถิติกรีนอินเรกูเลชั่นคิดเป็น 63.89 เปอร์เซนต์ รั้งอันดับ 37 ในสนามนี้ แต่มีความมั่นใจจากพัตเตอร์ใหม่ ช่วยคลายความกดดันให้กับโกลเวอร์ พัตต์ลง 23 ครั้ง จากความพยายาม 26 ครั้ง เป็นผู้นำในการแข่งขันที่เมมฟิส
ผลงานในการแข่งขันวันอาทิตย์คือหัวใจสำคัญสำหรับการคว้าแชมป์ครั้งนี้ เนื่องจากเขาตีออนเพียง 9 หลุม แต่เสียเพียงโบกี้เดียวจากการพัตต์ระยะ 30 ฟุต นอกจากนี้เขายังเซฟพาร์จากระยะ 20 และ 11 ฟุต ในช่วง 9 หลุมหลังของวันอาทิตย์ โดยทำไปทั้งหมด 25 พัตต์ ในรอบสุดท้าย และยังเอาชนะ แพทริก แคนต์เลย์ ด้วยการเซฟพาร์ ในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก นอกจากนี้โกลเวอร์ ยังมีสถิติคว้าแชมป์ในช่วงวัย 40 ปี มากกว่าที่ทำได้ในช่วงวัย 20 ปี และเป็นการคว้าแชมป์สองสัปดาห์ติดต่อกันเป็นครั้งแรกของเขา
ปิดฉากการรอคอย โกลเวอร์ คว้าแชมป์วินด์แฮม แชมเปี้ยนชิพ
ลูคัส โกลเวอร์ เป็นนักกอล์ฟที่ขึ้นชื่อเรื่องวงสวิงที่ทรงพลัง ซึ่ง แม็กซ์ โฮม่า เคยกล่าวถึงโกลเวอร์ว่า “ใครก็ตามที่เคยได้ยินเสียงการตีกอล์ฟของเขา จะรู้ว่าเขาแตกต่าง” แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมของโกลเวอร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่คงเส้นคงวาสักเท่าไหร่ และแชมป์ยูเอส โอเพ่น ปี 2009 ยอมรับว่าทำให้สูญเสียความมั่นใจไป จนกระทั่งเปลี่ยนพัตเตอร์ใหม่
โกลเวอร์ตัดสินใจเปลี่ยนพัตเตอร์ในเดือนมิถุยายน ตอนนั้นเขารั้งอันดับ 185 ของตารางคะแนนสะสมเฟดเอ็กซ์คัพ และมีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในการแข่งขันที่ เซดจ์ฟิลด์ คันทรี คลับ โกลเวอร์ทำได้เยี่ยมในหลุมพาร์ 4 เก็บแต้มได้ 13 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติดีที่สุดในสนาม และดีที่สุดอันดับสองของทุกรายการในอาชีพของเขา ที่น่าสนใจคือจาก 3 ใน 4 ครั้ง ที่เขาทำแต้มได้ 12 อันเดอร์พาร์ หรือดีกว่าในหลุมพาร์ 4 เขาก้าวไปคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด
โปรจอมเก๋ามีโอกาสเก็บเบอร์ดี้มากมาย เขาตีออน 65 กรีนจาก 72 ขาดเพียง 1 ก็จะเทียบเท่ากับสถิติที่ดีที่สุดในรายการวินด์แฮม แชมเปี้ยนชิพ นับตั้งแต่ปี 1983 นอกจากนี้สกอร์ 68 ในรอบสุดท้ายที่โดนัลด์ รอส ก็เป็นครั้งที่ 18 ติดต่อกันในการตีอีเวนพาร์หรือดีกว่า ในการลงเล่น 5 รายการหลังสุดของเขา โดยทำสกอร์รวม 80 อันเดอร์ ผลงานในหลุมพาร์ 4 ทำให้เขารั้งอันดับหนึ่งสโตรคเกน (Approach-the-Green) 6.87, Tee-to-Green (+10.54) และรวม +14.67 นอกจากนี้ยังรั้งอันดับ 4 สโตรคเกน Off-the-Tee (+3.42) ในหลุมพาร์ 4
หมายเหตุ: แฟนกีฬากอล์ฟสามารถติดตามชมการประชันฝีมือของยอดโปรกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลกในการแข่งขันพีจีเอทัวร์ได้ทาง กอล์ฟ ชาแนล ไทยแลนด์ (Golf Channel Thailand)
No comments:
Post a Comment