CEA ร่วมกับ องค์กรพันธมิตร คิกออฟเทศกาล “UNFOLDING BANGKOK” โชว์ 3 ธีม เส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์ใหม่ เปิดประสบการณ์กรุงเทพมหานคร สร้างบรรยากาศชวนเที่ยวด้วยโปรแกรมต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 12 พ.ย.- 5 มี.ค.2566 ปักหมุดท่องวัดลับ ยามค่ำคืน ธีม ‘Hidden Temple’ กับ 3 กลุ่มวัดเริ่มวัดอินทาราม และ วัดราชคฤห์ 12-20 พ.ย.นี้ เที่ยวสวนป่ากลางเมือง ธีม ‘Greeting Benjakitti’ 28 ม.ค. - 26 ก.พ. 2566 และ ย้อนรอยอาคารประวัติศาสตร์ ธีม ‘Living Old Building’ 4 ก.พ. - 5 มี.ค. 2566 ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ ผสมผสานเทคนิคของแสงและสี สัมผัสความงดงามศิลปวัฒนธรรมไทย โชว์กิจกรรมการแสดง การละเล่นท้องถิ่น รองรับนักท่องเที่ยวไทย-เทศหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมเตรียมต้อนรับคณะผู้ร่วมประชุมเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทตลอดเทศกาล
“ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทยอยเข้ามาท่องเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าทั้งปี 2565 จะมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ได้ตามเป้าหมายและอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งการที่เรามีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการท่องเที่ยว อย่างครั้งนี้ที่มีการออกแบบเส้นทางโดยนำเอาทุนทางวัฒนธรรม ศิลปะ และวิถีชีวิตมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้สอดรับกับบริบทของแต่ละพื้นที่ และเป็นจุดขาย สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่และจะนำร่องไปยังพื้นที่อื่น ๆ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา Soft Power โดยเฉพาะความเป็นอัตลักษณ์ของไทยที่รัฐบาลมุ่งเน้นไปสู่เวทีระดับโลก” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA กล่าวว่า CEA ในฐานะองค์กรเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เข้ามาดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ภายใต้โครงการ “UNFOLDING BANGKOK เปิดประสบการณ์ใหม่กรุงเทพมหานคร” โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่าย อาทิ Urban Ally ศูนย์ข้อมูลสถาปัตยกรรมไทย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมิตรเมือง ภาคีเครือข่ายย่านบางยี่เรือ-ตลาดพลู และชุมชน เป็นต้น ในการคัดเลือกสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยการนำความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญา โดยมีเป้าหมายการสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ เพื่อสร้างระบบนิเวศสร้างสรรค์ ที่ก่อให้เกิดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย โดยนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นและของดีมาสร้างคุณค่าให้เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวใหม่ที่อยู่ในเมืองหลวงของไทย ที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมไปถึงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชน และขยายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของกรุงเทพฯ โดยตั้งเป้าว่าการดำเนินงานตลอดโครงการจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
โปรแกรมช่วงที่ 2 เป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ภายใต้ธีม ‘Greeting Benjakitti’ เที่ยวสวนป่ากลางเมือง ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ สถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งจัดขึ้นที่สวนป่าเบญจกิติ แหล่งรวมพันธุ์ไม้พื้นเมือง และเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ในกลางกรุงเทพฯ โดย CEA ร่วมกับศิลปิน ออกแบบและจัดทำเป็นประติมากรรมในพื้นที่สวน ด้วยรูปแบบ Art Installation ที่มีมิติความกลมกลืนกับระบบนิเวศในสวนป่าเบญจกิติ เพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมสวน สามารถใช้ประโยชน์จากงานประติมากรรมในรูปแบบ Universal Design ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานได้ทุกเพศ ทุกวัย พร้อมจัดกิจกรรมการแสดง Performing Art และกิจกรรมเวิร์คช็อป โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจ และประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม ถึง 26 กุมภาพันธ์ 2566
สำหรับโปรแกรมสุดท้ายของโครงการ ในธีม ‘Living Old Building’ ย้อนรอยอาคารประวัติศาสตร์ ทาง CEA ได้ร่วมกับ Urban Ally คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กลุ่ม Lighting Designers Thailand (LDT) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ในการนำพื้นที่อาคารที่มีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์ มาปรับปรุงพื้นที่ในอาคารเก่า และอาคารอนุรักษ์ โดยการออกแบบ แสงสี (Lighting) เพื่อจัดแสดงโชว์ความสวยงามของอาคาร พร้อมจัดกิจกรรมภายในอาคารและนอกอาคาร เพื่อให้อาคารเก่ากลับมามีชีวิต และใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อาทิ อาคารสถานีรถไฟหัวลำโพง สำนักงานประปาแม้นศรี เป็นต้น โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่ CEA จัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2566 หรือ Bangkok Design Week 2023 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นกิจกรรมหลักต่อเนื่องประจำปี ของการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ
No comments:
Post a Comment