พร้อมเปิดภาคการประชุม-ระดมสมองแก้โจทย์ปัญหาสำคัญของประเทศ 1-5 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 (Thailand Research Expo 2022)” ขึ้นเป็นปีที่ 17 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่องานวิจัยไทย งานดังกล่าวถือเป็นเวทีระดับชาติในการนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์ และเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมถึงเชื่อมโยงการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำงานวิจัยไปใช้พัฒนาประเทศในมิติต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม ชุมชน พาณิชย์และอุตสาหกรรม
“งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นปีที่17 โดยความมุ่งมั่นตั้งใจของเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ทางวช.ภายใต้กระทรวงอว.มีความตั้งใจในการทำให้เวทีนี้เป็นเวทีที่ทำให้เกิดการนำผลสำเร็จจากงานวิจัยมาทำให้เห็นภาพว่าทุกเม็ดเงินการลงทุนจากการวิจัยและนวัตกรรมที่ได้ใช้จ่ายหรือลงทุนในแต่ละปี สามารถเกิดผลงานที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการพัฒนาประเทศในหลากหลายรูปแบบ สามารถแก้ไขปัญหาและสามารถช่วยให้คุณภาพชีวิต สภาพเศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น อยากให้ทุกคนให้กำลังใจนักวิจัยและมาชอปผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นรวมถึงการประชุมในประเด็นท้าทายใหม่ๆที่อยากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม "
สำหรับการจัดงานในปีนี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิจัยจากเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศกว่า 700 ผลงาน ใน 5 ประเด็นหลักคือ
1.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาระบบเศรษฐกิจบีซีจี (BCG) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เอไอ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ระบบราง ยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจฐานนวัตกรรมขนาดใหญ่
2.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาสังคมสูงวัย การพัฒนาเมืองน่าอยู่ สังคมไทยไร้ความรุนแรง และการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
3.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่น นวัตกรรมการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ทั้งการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรค การสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพและสาธารณสุข และการเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตด้านสาธารณสุขในอนาคต
4. งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve) และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve) และ
5.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงการพัฒนาพื้นที่ ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีการนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ เชิงชุมชนสังคม ผ่านกลไกการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ 
และช่วง “Platinum Award Talk : เสริมพลังประชาคมวิจัย ด้วยรางวัลแห่งเกียรติยศ” โดย ผศ.ดร.วันชัย สุทธะนันท์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และ รศ.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะได้รับรางวัล Platinum Award ในงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564
นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัว “ เดี่ยว” สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล เป็นทูตวิจัยมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 พร้อมนำเสนอตัวอย่างผลงานวิจัยที่น่าสนใจ เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มบัวฉลองขวัญด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาการเพาะเลี้ยง สกัดสเต็มเชลล์จากบัวฉลองขวัญ และใช้เทคโนโลยีในการกักเก็บสารสำคัญ เพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมเครื่องสำอางสเต็มเซลล์จากบัวฉลองขวัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรไทย การพัฒนาฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก (AI) จากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่นำเทคโนโลยีเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในการบ่งชี้แหล่งที่มาของอัญมณีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ และยกระดับความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทย





No comments:
Post a Comment